รัชกาลที่ 9


  • ยุคที่ 9 ถิ่นกาขาว
ในยุคสมัยปัจจุบันแห่งองค์ล้นเกล้า ฯ รัชกาลที่ ๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระภัทรมหาราชเจ้า มีชื่อเรียกยุคนี้ว่า "ถิ่นตาขาว" ซึ่งคงจะหมายถึงพวกฝรั่งตาน้ำข้าวละกระมัง เพราะเป็นยุคที่องค์พระประมุขของเรา พร้อมด้วยองค์พระราชินี ได้เสด็จพระราชดำเนินเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะซีกโลกทางด้านตะวันตก นอกจากนั้นแล้วยังทรงต้อนรับพระราชอาคันตุกะจากประเทศต่าง ๆ ที่มาเยือนอย่างมากมายเช่นกัน ฝรั่งตาน้ำข้าวเองก็ "อะเมซิ่งไทยแลนด์" ไม่น้อย พากันมาเที่ยวเยี่ยมเยียน ไอ้ที่ติดใจสาวไทย รสอาหารแบบไทยๆ บรรยากาศแบบไทยๆ ก็ตั้งรกรากอยู่เมืองไทยซะเลย
    ฝรั่งบางกลุ่ม ลงทุนซื้อเกาะทั้งเกาะทำโรงแรม กลายเป็นถิ่นฐานของพวกเขาไปซะแล้ว  ที่สำคัญมีกองทุนชาวต่างประเทศ ลงทุนซื้อหนี้เน่าราคาถูกๆ ไล่บี้ ฟ้องร้องบังคับคนไทยเอากำไรอีกที เหตุนี้กระมังจึงเรียกยุคนี้ว่า "ถิ่นตาขาว" และอีกคำหนึ่งที่เพี้ยนเสียงไปเป็น "กาขาว" ล่ะ หมายความว่าอย่างไรดี ตอนแรกนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ว่า "ตา" จะเป็น "กา" ไปได้อย่างไร แต่พอมาระยะ ๕-๖ ปีให้หลังมานี้ก็ถึง "บางอ้อ" ไม่ใช่พี่ไทยเลี้ยงอีกาสีขาวหรอกครับ เพราะกายังไงเสีย กาขนมันก็ดำวันยังค่ำ แต่ คนไทยเราไม่เจียมบอดี้ หรือไม่เจียมตน ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนสมัยรัชกาลที่ ๖ ไม่ผิดเพี้ยนเลยคือมีการนิยมของนอก มีการใช้จ่ายที่เกินตัว ฟุ้งเฟ้อ เห่อเหิม อยากได้อะไรเป็นต้องได้ ขนาดลงทุนเป็นหนี้เป็นสินเขาดอกเบี้ยสูงขนาดไหนก็เอา เห็นผิดเป็นชอบ เห็นดำเป็นขาว เหมือนอีกาที่ขนดำก็อยากจะทำให้มันขาว คราวนี้แจ่มชัดหรือยังว่า ทำไมเมืองไทยถึงเป็น "ถิ่นกาขาว" หรือ"ถิ่นตาขาว"  อีกอย่างหนึ่ง คนยุคนี้ อาจจะเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว และไม่ยอมต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ถึงขนาดเรียกได้ว่า "ขี้ข้าฯตาขาว" หรือ "ขี้ขลาดตาขาว" ก็อาจจะเป็นได้เช่นกัน
อีกนัยนึงก็กล่าวได้ว่าอาจจะหมายความว่า คนที่ไม่ได้ประพฤติพระธรรมวินัย    แต่บอกคนอื่นว่าตัวเองกำลังประพฤติอยู่ สัญชาติกาย่อมมีสีดำ เปรียบกับความเลวที่มีในสันดาน แต่กลับบอกคนอื่นว่า ตัวเองมีคุณธรรม และคอย โกหก ใส่ร้าย ใส่ความผู้อื่น เป็นยุคที่คนชั่วจะแสร้งเป็นคนดีเพื่อหลอกให้คนหลงเชื่อ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น